[รีวิว] Ninebot KickScooter D18W จุดเริ่มต้นบนความคุ้มค่า กับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่คุณควรมี

ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นคำตอบของความคุ้มค่า ขอเชิญทุกท่านพบกับ Ninebot KickScooter D Series

Segway-Ninebot D18W
September 19, 2022

เมื่อ Segway-Ninebot เปิดตัว Ninebot KickScooter D Series สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่สร้างมาเพื่อเป็นคำตอบของความคุ้มค่าที่ใคร ๆ ต่างถามหา ซึ่งหากถามถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีจุดเด่นคือ Value แน่นอนว่า D Series เป็นคำตอบที่ดีให้ได้แน่นอน โดยเฉพาะรุ่นเล็กในซีรีส์อย่าง Ninebot D18W ที่เปิดตัวด้วยราคาแสนถูก ซึ่งถูกแล้วจะเป็นเป็นอย่างไร ไปดูกัน

ดีไซน์เรียบง่าย ภายใต้ความเรียบหรู

เรามาเริ่มจากดีไซน์กันก่อนดีกว่า ซึ่งดีไซน์หลัก ๆ ของรุ่นนี้หลายคนมองเผิน ๆ อาจจะรู้สึกว่าคล้ายกับ F Series แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้เลยคือ ‘สี’ ซึ่งเป็นสีของโครงล้อมแท่นเหยียบ หากใครจำได้ F Series แต่ละรุ่นดีไซน์ที่แตกต่างกันคือสีของสายเบรก และสีของแกนล้อ แต่สำหรับ D Series เล่นใหญ่กว่าเปลี่ยนทั้งสีของโครงตัวเครื่องเลย โดยสำหรับ D18W มาในสีเทาด้าน (Matte Gray) ให้ความรู้สึกที่เรียบง่าย แฝงความหรูหราเข้าไปนิดนึง ใครสายมินิมอลหรือไม่ชอบสีจัด ๆ สีของรุ่นนี้ตอบโจทย์

ง่ายครบ จบในสองมือ

ดีไซน์ท่อนบนของ D18W เริ่มจาก ช่วงแฮนด์หุ้มด้วย Grip ยางเช่นเดียวกับ F Series แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ลวดลายแตกต่างกัน ฝั่งซ้ายยังคงมีกระดิ่งสำหรับใช้ส่งสัญญาณบนท้องถนน และยังมีออปชั่นเสริมไว้สำหรับล็อกตัวเครื่องตอนพับอีกด้วย ในส่วนของเบรกเป็นเบรกแบบกำเหมือนจักรยานหรือจักรยานยนต์ทั่วไป ไม่ใช่เบรกไฟฟ้าเหมือน E Series ฝั่งขวามีคันเร่ง โดยตรงคันเร่งจะมีปุ่มยางไว้สำหรับกันลื่นเวลากดอีกด้วย

การสื่อสารจากสกู๊ตเตอร์ถึงผู้ขับ

หน้าจอแสดงผลรุ่นนี้ยังคงเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ เป็น LED Dashboard ที่มีปุ่มควบคุมเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น ในส่วนของการบอกรายละเอียดยังครบถ้วนดังเดิม เมื่อกดปุ่มหนึ่งครั้งจะเป็นการเปิดเครื่อง และหน้าจอจะแสดงความเร็วที่เราขับอยู่, โหมดการขับขี่ (มีทั้งหมด 3 โหมด : ECO, Standard, Sport) หากกดปุ่มอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการเปิด-ปิดไฟ นอกจากนี้ยังมีไอคอนเตือนความผิดปกติของตัวเครื่อง เช่น เครื่องมีอุณหภูมิที่สูงเกินไป หรือเครื่องมีปัญหาจากระบบภายใน

แดชบอร์ดที่คุ้นเคย

ลดราคา แต่เพิ่มความคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้

ถึงแม้ Value จะเป็น Killing Feature สำหรับรุ่นนี้ แต่สิ่งต่าง ๆ ที่มีในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Segway-Ninebot รุ่นอื่น ๆ ยังคงไม่ถูกลบหายไป เริ่มจากโครงสร้างของตัวเครื่อง ที่รุ่นนี้ยังคงใช้โครงสร้างเป็นวัสดุเกรดอากาศยาน (Aviation Grade) การันตีความแข็งไม่ด้อยไปกว่ารุ่นอื่น ๆ แน่นอน

เล็กแค่ไหน ความเร็วก็ไม่ตก

อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Trademark ของ Segway-Ninebot การแฝงสเปคลงไปในชื่อรุ่น ซึ่งซีรีส์นี้ยังคงใช้โมเดลการใช้ระยะทางตามชื่อรุ่น ทำให้ D18W มีระยะทางวิ่งต่อชาร์จอยู่ที่ 18 กม. ในด้านของความเร็วสูงสุด D18W ไม่ตกไม่กว่ารุ่นอื่น ยังทำความเร็วได้สูงสุดอยู่ที่ 25 กม/ชม. กำลังมอเตอร์สูงสุดสุทธิอยู่ที่ 500 วัตต์ ในส่วนของการขึ้นทางชันรุ่นนี้สามารถขึ้นทางชันได้ 10% ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งขณะขับ พื้นถนน หรือน้ำหนักของผู้ขับขี่

ล็อกคอมาตรฐานการันตีคุณภาพ

หากใครเคยใช้ Ninebot F Series มาก่อนคงคุ้นชินกับตัวล็อกคอและวิธีการพับ ซึ่ง Ninebot D18W ยังใช้ระบบและวิธีเดียวกันกับรุ่นพี่ F Series ซึ่งเป็นการล็อกแบบสองชั้น เป็นล็อกแบบแนวตั้งก่อนและมีสลักแนวนอนล็อกกันเหนียวไว้อีกที ส่วนเรื่องวิธีการพับยังคงเป็นพับข้างโดยใช้แกนตรงกระดิ่งคล้องกับแง่งที่ติดมาบริเวณบังโคลน ซึ่งรุ่นนี้มีน้ำหนัก 14.8 กก. ผู้หญิงยกได้ ผู้ชายยกดี

สลักสองชั้นที่คุ้นเคย
ก่อนปลดล็อกคออย่าลืมปลดเกียวแนวนอนออกก่อนนะ ไม่งั้นอาจจะหักได้

ช่วงล่างสวยงามตามคอนเซปต์

ถัดลงมาที่ช่วงล่างกันบ้าง แท่นเหยียบใหญ่ ยืนสบาย มาพร้อมความกว้าง 17 x 46 ซม. ตัวพื้นเหยียบมาการปูด้วยแผ่นยางเพื่อกันลื่น และตัวลวดลายของพื้นยางเป็นดีไซน์ประจำรุ่นเช่นเดียวกับส่วน Grip มีโลโก้ Ninebot เงา ๆ เพิ่มความสวยงาม พื้นใต้เบาะห่างจากพื้นราว 9 ซม. เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการครูดของใต้ท้องเครื่อง ด้านหน้ามีสามเหลี่ยมทองคำ สำหรับใครที่ใช้สกู๊ตเตอร์เดินทางและจำเป็นต้องจอด จุดนี้เหมาะสำหรับคล้องโซ่ได้อย่างดี 

LOGO Ninebot แอบมีเงา ๆ ซะด้วย

ผู้นำด้านความนุ่มสบายในการเดินทาง

การเดินทางของรุ่นนี้จะเป็นไปอย่างสบายและนุ่มนวลเพราะยางของรุ่นนี้เป็น Pneumatic Tires ขนาด 10 นิ้ว ที่ตัวยางมีการพัฒนาโครงสร้างให้ทนต่อการทิ่มตำได้มากยิ่งขึ้น ดอกยางดีไซน์มาให้รีดน้ำได้อย่างดี และรุ่นนี้เป็นขับหน้า ทำให้ล้อหน้ามีการฝังมอเตอร์อยู่ข้างใน และยังมีระบบเบรกไฟฟ้าอยู่ในตัวล้อด้วย 

เบรกที่ลงตัว

ผ่านมาที่ล้อหลังที่มาพร้อมเบรก โดยซีรีส์นี้ทั้งสองรุ่นจะเป็นดรัมเบรก ถึงแม้ดรัมเบรกจะใช้ระยะเบรกที่มากกว่าดิสก์เบรก แต่แลกมากับสัมผัสการเบรกที่นุ่มนวลกว่าและการดูแลรักษาที่ง่ายกว่า เพราะชิ้นส่วนอะไหล่น้อยกว่าดิสก์เบรก และบังโคลนของรุ่นนี้ยังทำออกมาได้อย่างดี ป้องกันการโดนโคลนจากการขับขี่ได้ดีแน่นอน

ไฟหน้าและไฟท้ายสุดสำคัญ

ในส่วนของไฟรุ่นนี้มีทั้งไฟหน้าและไฟท้าย เริ่มจากไฟหน้าเป็น LED ให้ความสว่างไกลถึง 13 เมตร ควบคุมการเปิดปิดผ่านการกดปุ่ม 1 ครั้งที่หน้าจอ โดยจะติดพร้อมไฟท้าย ซึ่งไฟท้ายรุ่นนี้เหมือนกับ F Series จะ และเวลากำเบรกไฟท้ายจะกะพริบเพื่อส่งสัญญาณให้คันหลัง ต่อให้เราไม่ได้กดเปิดไฟแต่ถ้าเรากำเบรก ไฟท้ายจะยังคงกะพริบอยู่ดังเดิม

สนุกขึ้นง่าย ๆ แค่ใช้มือถือ

ปลดล็อกความสนุกผ่านการเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น Segway-Ninebot ซึ่งภายในแอปมีฟีเจอร์มากมายดังเดิม ภายในแอปพลิเคชั่นจะมีการบอกปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ มีบอกปริมาณระยะทางที่ขับขี่ได้ในปัจจุบัน และระยะทางวิ่งรวมทั้งหมด ละเอียดเช่นเคย นอกจากนี้ยังมีโหมด Riding Record สำหรับบันทึกเส้นทางและระยะทาง บอกยันความเร็วสูงสุดขณะขับ สามารถบันทึกได้เป็นทริป ๆ เหมือนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั่วไป

แต่จะมีหนึ่งฟีเจอร์ที่เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ประจำรุ่นเลยนั่นคือ Walk Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะส่งกำลังมาช่วย 5 กม/ชม. เหมาะสำหรับใครที่ต้องเข็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขึ้นเนินหรือทางชัน เนื่องจากรุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะกับการขึ้นทางชันขนาดนั้น จึงมีการเพิ่มโหมดนี้มาเพื่อกลบจุดอ่อนของรุ่น

โหมดต่อไปเป็น Regenerative Brake ถ้า Walk Mode เหมาะสำหรับขึ้นเนินแล้ว Regenerative Brake ก็จะเหมาะกับการลงเนิน โดยโหมดนี้จะทำให้เวลาเราปล่อยคันเร่ง ตัวมอเตอร์จะมีการหน่วงเพื่อปั่นไฟกลับเข้าเครื่อง ซึ่งสามารถปรับได้ 3 ระดับ (Weak, Medium, Strong) ถ้าปรับ Strong ตัวมอเตอร์ก็จะหน่วงหนักและปั่นไฟกลับได้มากที่สุดนั่นเอง

ปิดท้ายด้วยปุ่มอัปเดตเฟิร์มแวร์ ซึ่งจะมีมาให้อัปเดตอยู่ตลอด อย่าลืมติดตามกันล่ะ

สิ่งที่ทุกคนมองข้าม คือความปลอดภัยที่ดีที่สุด

Ninebot D18W ผ่านการรองรับมาตรฐาน UL ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้วัดความปลอดภัยของแบตเตอรี่จากอเมริกา ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล โดยตัวแบตเตอรี่มีการรองรับ UL-2271 ซึ่งเป็นการการันตีว่าตัวแบตเตอรี่จะไม่เสียหายจากการชาร์จทิ้งไว้นานไปหรือไม่ได้ชาร์จเป็นเวลานาน และจะไม่ติดไฟหรือเกิดการรั่วไหลของสารเคมี และนอกจากแบตเตอรี่จะรองรับ UL-2271 แล้ว ตัวโปรดักส์ยังมีการรองรับ UL-2272 อีกด้วย 

และมาตรฐานที่เรียกว่าจะไม่มีไม่ได้เลยนั่นคือมาตรฐาน IP ซึ่งรุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนมาพร้อมมาตรฐาน IPX5 ที่ตัวเครื่องและพิเศษกว่าด้วยมาตรฐาน IPX7 เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเราสามารถขับลุยฝนปรอยหรือลุยแอ่งน้ำได้ สามารถป้องกันการโดนน้ำที่ความดันไม่สูงมากจากรอบทิศ

ขับขี่แบบไม่กังวลใจ เพราะมีประกัน

คลายความเป็นห่วงอย่างสุดท้ายลงเรียบร้อยเมื่อทาง MONOWHEEL มอบประกันสุดพิเศษสูงสุดถึง 2 ปีใ้ห้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นประกันมอเตอร์ 2 ปี แบตเตอรี่ 1 ปี

ประกันตัวเครื่อง 2 ปี แบตเตอรี่ 1 ปี ของจริง!!

มาถึงจุดที่ทุกคนอย่างรู้กันที่สุดแล้วนั่นก็คือราคานั่นเอง สำหรับ Ninebot KickScooter D18W เปิดตัวมาด้วยราคา 16,900.- บาท ถือเป็น Adult Scooter ที่ราคาถูกที่สุดตั้งแต่ Segway-Ninebot ได้เปิดตัวมา และสำหรับใครที่ต้องการมา Test Drive เจ้า D18W สามารถมา Test Drive ได้ที่ 5 สาขานี้เลย

1. MONOWHEEL HQ ซอยจุฬา 28 

2. เซ็นทรัล วิลเลจ

3. ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต

4. เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

5. เซ็นทรัล ศรีราชา 

นอกจากนี้ยังสามารถชมสินค้าตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายกว่า 100 สาขาตามนี้เลย : https://www.monowheel.bike/shop-locations

⭐️ สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ ⭐️

☎️ โทร : 02-107-2993 (9:00 - 23:59 น.) รองรับ 5 คู่สาย

✅ Line : http://bit.ly/LNmonowh (หรือ @MONOWHEEL)

💬 Inbox : m.me/monowheeldotbike

💻 Website : https://www.monowheel.bike

📌 ทดลองเล่น : ศูนย์ MONOWHEEL HQ จุฬาฯ 28 ถนนบรรทัดทอง

🏛️ Google Maps : https://bit.ly/3gNomtg

บทความที่น่าสนใจ

Interesting articles
Back to top