[Review] เจาะลึกแบบละเอียดกับ Segway SuperScooter GT2 สุดยอดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า นิยามของ 'ความสมบูรณ์แบบ' ที่แท้จริง

Segway GT Series ซีรีส์เรือธงที่การันตีความแรงจากทาง Segway - Ninebot ที่ถูกเปลี่ยนคำเรียกจาก KickScooter เป็น SuperScooter เป็นที่เรียบร้อย ครั้งก่อนเราได้รีวิว Segway GT1 ไปแล้ว ใครที่ยังไม่เห็นสามารถแวบไปดูในบล็อกก่อนหน้านี้ได้เลย ผมทิ้งลิงก์ไว้ให้แล้วครับ ส่วนในครั้งนี้เราจะมารีวิวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งผ่านการแปลงโฉมทั้งภายนอกและภายใน และรับประกันสมรรถนะที่พุ่งถึงขีดสุด รับรองว่าลืมรุ่นเก่า ๆ ที่ผ่านมาแน่นอน

อ่านบล็อกรีวิว GT1 ได้ที่นี่เลย : https://www.monowheel.bike/post/review-segway-gt1

‍

‍

‍

ต้องสะกดด้วยดีไซน์

นอกจาก Segway GT2 จะโดดเด่นในด้านสมรรถนะมากแล้ว แต่ในด้านของความสวยงามต่างโดดเด่นไม่แพ้กัน ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมเกรดอากาศยาน(Aircraft Grade Aluminium) ในส่วนของการออกแบบ มีการปรับระดับของที่ล็อกคอให้อยู่สูงขึ้นและมีการเพิ่มปุ่มโหมดต่าง ๆ เข้ามา แต่ยังคงความง่ายในการใช้งานเช่นเดิม  ทางวิศวกรของทาง Segway จากอเมริกาอยากให้ผู้ขับขี่รู้สึกเหมือนขับ Supercar จึงมีการดีไซน์ออกมาให้ตัว GT Series ดูมีความเรียบหรู Luxury ในระดับที่ว่าใครขี่อยู่ก็ดูดีจนต้องหันมามอง โดยเฉพาะตัว GT2 ที่สีของตัวเครื่องสวยกว่า GT1 ชัดเจน

ราชาแห่งสนาม

การที่ Segway GT2 ถูกขนานนามว่าเป็นที่ 1 ไม่ใช่แค่เพียงพูดกันแบบปากเปล่าเท่านั้น แต่ได้มีการจัดทดสอบการขับขี่จากทาง Segway โดยมีแบรนด์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าชื่อดังแบรนด์อื่นร่วมเข้าทดสอบด้วยไม่ว่าจะเป็น Nami Burn e , Kaabo Wolf King GT , Zero 11X , Kaabo Wolf Worrior 11 , Minimotors Dualtron Victor และ Inokim OXO ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราเร่ง การขับระยะสั้นหรือการขับระยะยาว GT2 สามารถเข้าที่ 1 ได้ทุกการแข่งขัน จึงถือว่า Segway GT2 เป็น ‘ราชาแห่งสนาม’ ตัวจริงเสียงจริง

อัตราเร่งทะลุนรก 

‘3.75 วินาที’ คือระยะเวลาในการเร่งความเร็วจาก 0 - 48 กม. ของ Segway GT2 เรียกได้ว่าออกตัวไว มีชัยไปกว่าครึ่ง คงดูไม่ผิดนัก ทำเวลาได้ดีกว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังทำความเร็วได้สูงสุดถึง 70 กม/ชม. และวิ่งได้ไกลถึง 90 กม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งอย่างที่เราเห็นไปแล้วว่าสามารถเอาชนะได้ทั้งทางสั้นและทางยาว ทำให้เรื่องความเร็วคืออาวุธลับของ Segway GT2 อย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน ซึ่งใน Segway GT1 มีมอเตอร์ 1 ตัวที่ทำกำลังสูงสุดถึง 3,000 วัตต์ แต่สำหรับ GT2 มอเตอร์เดียวคงน้อยเกินไป ทาง Segway จึงใส่มอเตอร์ในตัว GT2 มาถึง 2 ตัว ทำให้รีดกำลังมอเตอร์สูงสุดได้มากถึง 6,000 วัตต์ และสามารถเลือกได้ว่าจะขับเคลื่อนแบบมอเตอร์เดียวหรือ 2 มอเตอร์ (ถ้าขับแบบมอเตอร์เดียวจะเป็นมอเตอร์ล้อหลัง) บอกเลยว่าถ้าเปิด 2 มอเตอร์แล้วกด Boost โหมด รับรองว่าเร็วจนหาตัวจับไม่ได้แน่นอน

หน้าจอภาพจำเครื่องบินรบ

หน้าจอของ Segway GT Series นั้นต่างจาก KickScooter รุ่นก่อน ๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรุ่น MAX , E Series หรือ F Series ซึ่งหน้าจอ LED ของ GT1 ที่ว่าสวยแล้ว แต่ดูดรอปลงทันทีเมื่อเจอกับหน้าจอโปร่งใส (Transparent PMOLED) ของ GT2 ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงที่ผสานกับการดีไซน์อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเหมือนกับเครื่องบินรบ และยังส่องสว่างชัดเจนแม้จะอยู่ในที่ที่สว่างมาก นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานมากขึ้นไปในตัว ดูสวยงามทั้งในเวลากลางวันและเวลากลางคืนเลยจริง ๆ (ตัวจริงสวยมากขอบอกกกก)

ส่องสว่างด้วยออร่ารอบตัว

ออร่าที่ว่าไม่ใช่แสงในจินตนาการ แต่เป็นไฟ LED ที่ติดมาในตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าที่ส่องสว่างถึง 900 ลูเมน สว่างเหมือนเห็นสัจธรรมในชีวิตและมี LED Daytime Running Light มาให้ด้วย  อีกไฟที่สำคัญคือ ไฟเบรก ที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับการขับขี่ ตอบสนองทันทีเวลาที่กำเบรก อีกหนึ่งไฟที่สำคัญต่อการขับขี่มาก ๆ และได้เพิ่มมาในซีรีส์นี้คือไฟเลี้ยว ที่ติดมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และไฟสุดท้ายที่เพิ่มความสวยงามขึ้นอย่างมากคือไฟท้ายที่สามารถปรับแต่งในแอปพลิเคชั่น ตามฟีลลิ่งของเราในช่วงเวลานั้น ๆ ได้ โดยมีให้ปรับมากถึง 10 รูปแบบ

เข้าทุกโค้ง โล่งทุกที

การเข้าโค้งอย่างมั่นใจ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนกับสมญานาม High - Performance Scooter กับระบบช่วงล่างที่ได้มา เริ่มจากระบบกันสั่นสะเทือนแบบคู่ (Dual Suspension Systems) โดยแบบแรกเป็นล้อหน้าจะเป็นระบบช่วงล่างแบบปีกนกแบบคู่ (Double-Wishbone Suspension) และระบบช่วงล่างแบบแขนคู่ที่ด้านหลัง (Trailing-arm suspension) โดยทั้ง 2 ระบบนี้จะช่วยให้ตัวเครื่องนั้นยึดเกาะถนนเวลาเข้าโค้งได้ดีมากยิ่งขึ้น 

ลุยทุกที่ ไม่มีเกี่ยงถนน

GT Series ยังมาพร้อมฟีเจอร์ภายในอย่าง ระบบ SDTC (Segway Dynamic Traction Control) เป็นระบบที่มีไว้เพื่อปรับแรงบิดระหว่างมอเตอร์ทั้งสองแบบอัตโนมัติ โดยจะปรับกำลังของมอเตอร์ตามจังหวะการใช้งานเพื่อเพิ่มการยึดเกาะบนเส้นทางหรือถนนที่ลื่นเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น และส่วนที่สำคัญอย่างโช้ค ยังเป็นโช้คแบบไฮดรอลิกที่คุณสามารถปรับระดับความแข็ง/นุ่มของโช้คได้ถึง 15 ระดับทำให้ GT Series เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ในพื้นที่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นเรียบ พื้นขรุขระ หรือการวิ่งแบบออฟโรดก็สามารถวิ่งได้ไม่มีปัญหา

ล้อแข็งและนุ่มในเวลาเดียวกัน 

GT Series มาพร้อมกับล้อยางลมขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว เป็นล้อยางลมประเภทแบบไม่มียางใน (Tubeless Tire) ด้านในมีโครงสร้างผ้าใบ ส่วนด้านนอกมีเนื้อยางที่แข็งแรงกว่ายางทั่วไป ช่วยให้ขอบยางอัดแน่นแนบกับขอบล้อ เสริมความทนทานด้วยสารกันรั่วซึม (Self Healing Tire) ทำให้ Segway GT Series เป็นล้อยางลมที่มีความทนทานสูงวิ่งได้บนพื้นผิวทุกรูปแบบ ไม่ว่าถนนจะแบบไหนก็ลุยได้หมด

หยุดทันที ที่ต้องการ

 ขึ้นชื่อว่าล้ำแล้ว ต้องล้ำให้ทุกจุด รวมถึงระบบเบรกด้วย เพราะ Segway GT Series มาพร้อมกับระบบดิสก์เบรกแบบไฮดรอลิก เมื่อผู้ขับขี่ทำการเบรกจะเกิดแรงดันภายในระบบทำให้ของเหลวเคลื่อนที่ผ่านท่อไปยังคาลิเปอร์ จนทำให้ลูกสูบที่มีผ้าเบรกติดอยู่เกิดการขยับเข้าหาจานล้อเพื่อชะลอการเคลื่อนที่ โดยข้อดีของระบบเบรกแบบไฮดรอลิกคือทำให้ผู้ขับขี่กะระยะเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เเรงในการเบรกน้อยลง อ่านช่วงแรกอาจจะงง เพราะงั้นต้องมาลองเอง

‍

ไหวโหมดไหน ไปโหมดนั้น 

GT1 จะมีโหมดทั้งหมด 5 โหมด แต่ในตัว GT2 จะมีโหมดพิเศษเพิ่มมาอีก 1 โหมด รวมเป็น 6 โหมด ซึ่งคือโหมด Boost ที่จะทำหน้าที่เพิ่มกำลังมอเตอร์ให้มากถึงขีดสุดในชั่วขณะ พร้อมพาคุณพุ่งแรงแซงทุกคัน โดยโหมดทั้งหมดในตัว Segway GT2 มีดังนี้

- Park Mode: 0 กม/ชม. (สำหรับจอด บิดไม่ไป)

- Eco Mode: ทำความเร็วได้สูงสุด 40 กม/ชม.

- Sport Mode: ทำความเร็วได้สูงสุด 70 กม/ชม.

- Race Mode: ทำความเร็วได้สูงสุด 70 กม/ชม.

นอกจากนี้ใน GT Series ยังมีฟังก์ชั่นเพิ่มมาอีก 2 โหมดได้แก่

- Boost Mode: เป็นโหมดที่เอาไว้ปลดล็อกให้ตัวเครื่องมีอัตราเร่งสูงสุด

- Walk Mode: เป็นโหมดที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เข็นตัวสกู๊ตเตอร์ได้ง่ายขึ้นโดยตัวเครื่องจะสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 6 กม/ชม.

อย่าลืมว่า Segway GT Series เป็น SuperScooter ไม่ใช่ KickScooter แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาออกตัวไม่จำเป็นต้องใช้ขาไถกับพื้นเพื่อออกตัวแล้วนะครับ แค่บิดก็พุ่งเลย ฟังดูอาจจะอันตรายแต่ทาง Segway ได้ปรับให้หาก GT Series จอดอยู่กับที่จะเปลี่ยนเป็น Park Mode อัตโนมัติ ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน แต่สำหรับใครที่ยังไม่ชิน สามารถปรับในแอปพลิเคชั่นเพื่อให้กลับมาเป็น KickScooter ดังเดิมได้ด้วย

‍

ความรู้สึกหลังสัมผัสเจ้า GT2

จากที่แอดมินได้ลองขับเจ้า GT2 แล้วบอกเลยว่ามิติใหม่มาก ๆ คำว่า SuperScooter ไม่เกินจริงสำหรับรุ่นนี้เลย และเป็นความโชคดีที่แอดมินได้มีโอกาสทดลองขับที่สนาม Drag ทำให้สามารถรีดประสิทธิภาพของ GT2 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่เป็นสนามทางตรงยาวกว่า 1 กม. ทำให้แอดมินได้ลองเร่งความเร็วแบบสุด ๆ ดู บอกเลยว่า Boost Mode เป็นทีเด็ดมาก กดทีนึงรับรองพุ่ง ลองขับสัก 60 กม/ชม. แล้วกด Cruise Control หลังจากนั้นยืนนิ่ง ๆ กินลมนี่มันฟีลลิ่งดีจริง ๆ ความสบายตอนยืนขับเรียกว่าสบายมาก ๆ เพราะแท่นวางเท้ากว้างมาก และมีที่พักเท้าด้านหลังมาให้อีก บอกเลยว่าสกู๊ตเตอร์คันนี้ใครมายืนขับก็ดูเท่ไปหมด

ปล. ในแอปพลิเคชั่นยังมีอะไรให้เล่นอีกเยอะเลยนะสำหรับเจ้า GT2 ทั้งปรับสี และมีปรับ Brake Priority เพื่อให้กำเบรกและบิดคันเร่งให้ทำงานพร้อมกันได้ บอกเลยใครสายขับโหด ๆ โหมดนี้ต้องมา และแอดมินยังคงยืนยันว่าเจ้า Segway GT1 และ GT2 ใครจะนำไปขับบนท้องถนนต้องมีสกิลการขับขี่นิดนึงนะครับเพราะแรงกว่ามอเตอร์ไซค์บางคันอีก และทุกการขับขี่อย่าลืมใส่อุปกรณ์เซฟตี้กันด้วยนะครับ ก่อนไปขอทิ้งโควตเท่ ๆ สำหรับ Segway GT Series ไว้นิดนึง

‍

“Segway GT Series แรงเต็มที่ ใครมีก็ดูดี ใครขี่ก็ดูเท่” ไงล่ะ

‍

 สำหรับ Segway GT2 ราคาอยู่ที่ 169,000.- บาท รับประกันมอเตอร์ 2 ปี แบตเตอรี่ 1 ปี บอกเลยว่า "ของมันต้องมี" แน่นอนครับ

ใครอยากรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย และอย่าลืมกดติดตาม Facebook ของ MONOWHEEL.Bike ไว้ด้วยนะครับ ถ้ามีรุ่นใหม่ออกจะได้รู้ก่อนใคร

⭐️ สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ ⭐️

☎️ โทร : 02-107-2993 (9:00 - 23:59 น.) รองรับ 5 คู่สาย

✅ Line : http://bit.ly/LNmonowh (หรือ @MONOWHEEL)

💬 Inbox : m.me/monowheeldotbike

💻 Website : https://www.monowheel.bike

📌 ทดลองเล่น : ศูนย์ MONOWHEEL HQ จุฬาฯ 28 ถนนบรรทัดทอง

🏛️ Google Maps : https://bit.ly/3gNomtg

‍