[Compare] F Series VS D Series ความเหมือนที่แตกต่าง

[Compare] F Series VS D Series ความเหมือนที่แตกต่าง

Segway-Ninebot D38U
Segway-Ninebot D18W
Segway-Ninebot F30
Segway-Ninebot F25
Segway-Ninebot F40
October 3, 2022

เมื่อกลางปี 2021 MONOWHEEL ได้เปิดตัว Ninebot KickScooter F Series มาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในประเทศไทยอย่างลงตัว ก่อนที่ซีรีส์นี้จะเข้าไปครองใจใครหลาย ๆ คน มาจนถึงตอนนี้ที่ MONOWHEEL เปิดตัว Ninebot KickScooter D Series สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่พ่วงคำว่า ‘ความคุ้มค่า’ ติดหลังรถมาด้วย และแล้วคำถามที่สักวันต้องมีคนถามก็เกิดขึ้น F Series VS D Series รุ่นไหนดีกว่า? รุ่นไหนน่าใช้กว่า? รุ่นไหนคุ้มกว่า? ทุกคำถามมีคำตอบในบล็อกนี้ครับ

ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการเปรียบเทียบ มาทวนความจำกันสักหน่อยดีกว่าว่าทั้ง F และ D มีกี่รุ่น รุ่นอะไรกันบ้าง

Ninebot F Series มีทั้งหมด 3 รุ่น ประกอบด้วย Ninebot F25 ราคา 20,900.- บาท, Ninebot F30 ราคา 25,900.- บาท, Ninebot F40 ราคา 29,900.- บาท 

Ninebot D Series มีทั้งหมด 2 รุ่น ประกอบด้วย Ninebot D18W ราคา 16,900.- บาท, Ninebot D38U ราคา 23,900.- บาท

ซึ่งเราจะทำการเปรียบเทียบทั้งหมด 2 คู่ด้วยกันประกอบด้วย F25 VS D18W และ F40 VS D38U ส่วน เพราะว่า D Series ไม่มีรุ่นกลางจึงไม่มีตัวเปรียบเทียบให้กับ F30 เพราะฉะนั้นเราจะให้เจ้า F30 ชนะบายไปนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันที่แมตช์คู่เล็กอย่าง F25 VS D18W กันเลย

Ninebot F25 VS D18W

สำหรับการเปรียบเทียบของ 2 ซีรีส์นี้ แค่เปิดกล่องมาก็เห็นถึงความต่างแล้ว สิ่งที่ F25 มี แต่ D18W ไม่มีนั่นคือยางสำรองที่แถมมา สำหรับ F25 จะมียางที่ติดมาด้วยในกล่องจำนวน 1 เส้น แต่ D Series จะไม่มี ซึ่งแน่นอนว่าการมีย่อมดีกว่าเพราะเป็นอะไหล่สำรองที่สามารถใช้งานได้ในยามฉุกเฉิน แค่เกริ่นมา F25 ดูแซงไปซะแล้ว ไปดูส่วนอื่นกันต่อ

ดีไซน์

เริ่มจากแมตช์คู่เล็กอย่าง F25 VS D18W สิ่งแตกต่างส่วนแรกที่คุณจะเห็นกันเลยก็คือ ‘ดีไซน์’ ถึงรูปร่างของทั้ง 2 รุ่นนี้จะเรียกได้ว่าถอดแบบกันมาเลย แต่สีของตัวเครื่องจะมีความต่างกันอยู่ จะเห็นว่าสีของ F25 ตัวโครงเครื่องจะมีสีเทาเข้มตัวเครื่องมีการคุมสีโทนเข้ม ให้ดูหนักแน่นและแข็งแรง แต่กลับกัน D18W ตรงโครงหุ้มแท่นเหยียบเปิดตัวมาในสีเทาอ่อน (Matte Gray) ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและมินิมอล แต่วัสดุของทั้งสองรุ่นยังคงเป็นอะลูมิเนียมเกรดอากาศยาน (Aviation Grade) 

ลงลึกเรื่องดีไซน์มาอีก จะเห็นว่าตรงแฮนด์จับที่เป็น Grip ยาง และตรงแท่นเหยียบที่ปูด้วยแผ่นยาง ถึงจะเป็นยางเหมือนกันแต่ลวดลายของยางต่างกัน ตรง Grip ยางอาจจะไม่ต่างมาก แต่ตรงแท่นเหยียบต่างกันชัดเจน ยิ่งของ D18W โลโก้ Ninebot มีการพิมพ์เงาด้วย แต่ของ F25 จะเป็นสีเทาด้าน 

เบรกเฉพาะรุ่น

สำหรับ F25 และ D18W นั้นจะมีระบบเบรกเป็นระบบคู่ มีทั้งเบรกล้อหน้าและเบรกล้อหลัง ซึ่งเบรกล้อหน้าของทั้งสองซีรีส์นั้นจะเหมือนกันนั่นก็คือเบรกไฟฟ้า ที่พ่วงฟีเจอร์ Regenerative Brake มาด้วยทั้งสองซีรีส์ แต่เมื่อถัดมาที่ล้อหลังสิ่งที่แตกต่างกันจนเรียกได้ว่าเอกลักษณ์ของใครของมันเลยก็คือดิสก์เบรกและดรัมเบรกนั่นเอง ซึ่ง F25 เบรกล้อหลังจะเป็นดิสก์เบรก ซึ่งให้ฟีลการเบรกที่แน่นกว่าและใช้ระยะทางเบรกที่สั้น ในขณะที่ D18W  มีเบรกล้อหลังเป็นดรัมเบรกซึ่งให้ฟีลการเบรกที่นุ่มกว่าแต่จะใช้ระยะการเบรกที่ไกลกว่า และข้อดีอีกอย่างคือดรัมเบรกจะดูแลง่ายกว่าดิสก์เบรกเพราะอะไหล่ของตัวเบรกน้อยกว่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพของดิสก์เบรกดีกว่าดรัมเบรกอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย 

ต่อไปเป็นพาร์ทของสเปคกันบ้าง

ต้องเล่าก่อนว่า F25 เป็นรุ่นที่มีการพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งทำให้ในพาร์ทสเปคจะได้เปรียบ D18W อยู่พอตัว 

เริ่มจากระยะทางวิ่งยังคงคอนเซปต์ระยะวิ่งตามชื่อรุ่นไว้อยู่ เว้นแต่เพียง F25 เท่านั้นที่ระยะทางวิ่งจะอยู่ที่ 20 กม.ต่อการชาร์จเพราะรุ่นนี้มีการพัฒนามาจาก F20A จึงยังคงระยะทางวิ่งไว้ ส่วน D18W ตามชื่อเลยสามารถวิ่งได้ 18 กม.ต่อการชาร์จ 

ความเร็วสูงสุดของทั้งสองรุ่นนี้เท่ากันอยู่ที่ 25 กม/ชม. จะเรียกได้ว่ามีเพียงความเร็วสูงสุดอย่างเดียวที่เท่ากันก็ไม่ผิดนัก แต่ถึงความเร็วสูงสุดจะเท่ากันแต่กำลังเร่งไม่เท่ากันแน่นอนเพราะ F25 มีกำลังมอเตอร์สูงสุดถึง 600 วัตต์ แต่ D18W มีกำลังมอเตอร์สูงสุดเพียง 500 วัตต์ เข้าใจให้เห็นภาพง่าย ๆ ในจังหวะออกตัวพร้อมกัน F25 สามารถทำความให้ถึงสูงสุดได้เร็วกว่า D18W นั่นเองนอกจากกำลังมอเตอร์จะมีผลต่ออัตราเร่งแล้วยังมีผลต่อการขึ้นทางชัน ตามสเปคที่ทาง Segway-Ninebot ได้เคลมไว้คือ F25 สามารถขึ้นทางชันได้ 12% แต่ D18W สามารถขึ้นทางชันได้เพียง 10% 

และพาร์ทสุดท้ายที่เรียกว่าเป็นพาร์ทเสริมนั่นก็คือการเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น ซึ่งทั้ง F25 และ D18W สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นได้เหมือนกัน แต่ฟีเจอร์ในนั้นมีจุดแตกต่างหลัก ๆ อยู่ 2 จุดด้วยกัน เห็นจุดแตกต่างจุดแรกมั้ยครับตรงไอคอนซ้ายล่าง ซึ่ง F25 จะเป็นฟังก์ชั่น Cruise Control เป็นฟังก์ชั่นสำหรับคนที่ขับขี่ในระยะไกล หากเราเปิดฟังก์ชั่นนี้จะช่วยในการคงความเร็วขณะขับขี่ไว้โดยไม่ต้องกดคันเร่งตลอดเวลา แค่เพียงกดเปิดโหมดนี้แล้วขับในความเร็วคงที่ประมาณ 5 วินาที สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเราจะคงความเร็วล่าสุดไว้จนกว่าจะมีการกดคันเร่งเพิ่มหรือกำเบรก โหมดนี้ถึงจะตัดการทำงานอัตโนมัตินั่นเอง

ถัดมาที่ D18W จะเห็นว่าตรงฟังก์ชั่น Cruise Control ถูกเปลี่ยนเป็น Walk Mode แทน ซึ่ง Walk Mode จะเข้ามาช่วยเราในจังหวะที่เราต้องขึ้นเนินหรือทางชัน ที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเราขึ้นไม่ไหวจนต้องลงมาเข็นแทน หากเราเปิดโหมดนี้ในขณะที่เข็นถ้าเรากดคันเร่ง ตัวมอเตอร์จะส่งกำลังมาช่วยเป็นความเร็ว 5 กม/ชม. เพื่อเพิ่มความสบายขณะเข็นมากขึ้น ถือว่าเป็นโหมดที่สร้างมาเพื่อตัดจุดอ่อนของ D18W ที่กำลังในการขึ้นทางชันไม่สูงมาก และอีกฟีเจอร์นึงที่แตกต่างกันคือ Tail Light Setting หรือฟีเจอร์การปรับไฟท้ายนั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้จะมีแค่ใน F25 แต่ D18W จะไม่มี จะเป็นฟังก์ชั่นการอัปเดตเฟิร์มแวร์เลย โดยภายในฟีเจอร์ปรับไฟท้ายสามารถปรับได้ว่าจะให้ไฟท้ายติดอยู่ตลอดเวลา จะให้สว่างขึ้นตอนเบรก หรือจะให้กระพริบ แต่ D18W ไฟเบรกจะทำได้แค่ติดพร้อมกับไฟหน้าตอนกดเปิด และกะพริบเวลาเบรกเท่านั้น

สรุป Key Feature F25 VS D18W

  • F25 ระยะทางวิ่งต่อชาร์จมากกว่า D18W 2 กม. 
  • กำลังมอเตอร์ F25 600 วัตต์, D18W 500 วัตต์ 
  • F25 มีฟังก์ชั่น Cruise Control ในขณะที่ D18W มี Walk mode แทน
  • F25 ปรับไฟท้ายได้ D18W ปรับไม่ได้
  • F25 แถมยางลมมา 1 เส้น แต่ D18W ไม่แถม
  • เบรก F25 เป็นดิสก์เบรกแต่ D18W เป็นดรัมเบรก

 F25 ราคา 20,900.- บาท ส่วน D18W ราคา 16,900.- บาท

สำหรับการเปรียบเทียบเจ้า F25 และ D18W จุดแตกต่างทั้งหมดมีประมาณนี้ หรือจะให้อธิบายจบในภาพเดียวเลยก็นี่ แนบรูป

มาต่อกันรุ่นท็อปของตระกูลอย่าง F40 VS D38U กันบ้าง 

แน่นอนว่ารวมถึง F40 ด้วยที่มียางอะไหล่สำรองมาให้และ D38U จะไม่มี และต่อไปเรามาเริ่มจากดีไซน์เหมือนเดิม ขึ้นอยู่ว่าท็อปแต่ละรุ่นต้องแข่งกันเด่นอยู่แล้ว เริ่มจาก F40 กันเลย ดีไซน์ของรุ่นนี้ตัวโครงเครื่องยังเป็นสีเทาดำเหมือนรุ่นน้องอย่าง F25 และ F30 แต่ที่เปลี่ยนเลยคือ สีของสายไฟและแกนล้อ ที่จะเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีส้ม ถือเป็นการคงความสวยของดีไซน์ตัวเครื่อง แต่แยกรุ่นด้วยสีของสายเบรกและแกนล้อแทน

ถ้าเปลี่ยนแค่สีแกนล้อและสีของสายเบรกยังไม่หนำใจพอ D38U จัดให้ เปลี่ยนทั้งสีของโครงหุ้มแท่นเหยียบไปเลย เปิดตัวด้วยสีแดงสด (Bright Red) แดงยันสายไฟ ปรับความรู้สึกเรียบหรูของ F40 เป็นแนวสปอร์ต ร้อนแรงในทันที และในส่วนของ Grip ยางและลายบน Footboard ลวดลายยังคงต่างจาก F40 เช่นเดียวกัน

จุดแตกต่างจุดต่อไปเลยคือ Reflector D38U เป็นเพียงรุ่นเดียวเลยที่มี Reflector ทั้งหน้า - หลัง และจุดแตกต่างจุดต่อไปที่เรียกว่าเป็นไฮไลต์ประจำรุ่นเลย นั่นก็คือไฟท้าย ไฟท้ายของ F40 เป็นไฟท้ายปกติเหมือนรุ่นอื่น แต่ไฟท้ายของ D38U เป็นไฟท้ายชนิดพิเศษ มีการออกแบบมาให้ใหญ่กว่าเดิม สว่างกว่าเดิม ไม่ต้องกลัวว่าข้างหลังจะมองไม่เห็น เพราะนอกจากมองเห็นแล้วยังร้องขอให้ปิดด้วยเพราะสว่างเหลือเกิน 

สรุป Key Feature F40 VS D38U 

  • ระยะทางวิ่งของ F40 มากกว่า D38U 2 กม.
  • D38U มี Reflector หน้า - หลัง แต่ F40 ไม่มี
  • ไฟท้ายของ D38U เป็นไฟท้ายชนิดพิเศษ ใหญ่และสว่างกว่าเดิม
  • F40 แถมยางลมมา 1 เส้น แต่ D38U ไม่แถม
  • เบรก F40 เป็นดิสก์เบรกแต่ D38U เป็นดรัมเบรก

มาถึงคำถามสุดท้ายแล้ว และน่าจะเป็นคำถามที่ถามเข้ามามากที่สุด ถ้าต้องซื้อสักรุ่น รุ่นไหนดี? D หรือ F

คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่แน่นอนครับ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือ คุณเน้นการใช้งานแบบไหน ขับเล่นในหมู่บ้าน ขับไปซื้อของใกล้ ๆ หรือขับไปทำงานเป็นกิจวัตรประจำวัน ถ้ากำลังมองหารุ่นเริ่มต้น ใช้งานแบบไม่คิดอะไรมาก D Series คือคำตอบ แต่ถ้าอยากได้แบบครบกว่า ขึ้น F Series ไปเลยครับ ด้วยเบรกและระยะทางวิ่งที่ดีกว่า แถมมียางในแถมให้ด้วย

⭐️ สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ⭐️

☎️ โทร : 02-107-2993 (9:00 - 23:59 น.) รองรับ 5 คู่สาย

✅ Line : http://bit.ly/LNmonowh (หรือ @MONOWHEEL)

💬 Inbox : m.me/monowheeldotbike

💻 Website : https://www.monowheel.bike

📌 ทดลองเล่น : ศูนย์ MONOWHEEL HQ จุฬาฯ 28 ถนนบรรทัดทอง

🏛️ Google Maps : https://bit.ly/3gNomtg

บทความที่น่าสนใจ

Interesting articles
Back to top